REMOTE SENSING ( การสำรวจระยะไกล )
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
การแปลและตีความภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วสายตา
องค์ประกอบในการแปลและตีความภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วสายตา
1. สีและระดับความเข้มของสี(Colour tone and
brightness)
2. รูปร่าง (Shape)
3. ขนาด (Size)
4. รูปแบบ (Pattern)
5. ความหยาบละเอียดของเนื้อภาพ (Texture)
6. ความสัมพันธ์กับตำแหน่งและสิ่งแวดล้อม (Location
and Association)
7. การเกิดเงา (Shadow)
8. การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล (Temporal
change)
9. ระดับสี (Tone)
นอกจากองค์ประกอบดังกล่าวแล้ว
สิ่งที่จะช่วยในการแปลความหมายได้ถูกต้องมากขึ้นได้แก่
ลักษณะภูมิประเทศและการเลือกภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม
หลักการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วยสายตา
ควรดำเนินการแปลและตีความจากสิ่งที่เห็นได้ง่าย
ชัดเจนและคุ้นเคยเสียก่อนแล้วจึงพยายามวินิจฉัยในสิ่งที่จำแนกได้ยาก
ไม่ชัดเจนในภายหลัง หรือเริ่มจากระดับหยาบๆก่อนแล้วจึงแปลในรายละเอียดที่หลัง
2.2 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (Digital
Analysis)
วิธีการจำแนกข้อมูลดาวเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบ่งออกได้ 2 วิธี ได้แก่
2.2.1 การจำแนกประเภทข้อมูลแบบกำกับดูแล (Supervised
Classification) เป็นวิธีการจำแนกข้อมูลภาพซึ่งจะต้องประกอบด้วยพื้นที่ฝึก (Training
areas) การจำแนกประเภทของข้อมูลเบื้องต้น
โดยการคัดเลือกเกณฑ์ของการจำแนกประเภทข้อมูล
และกำหนดสถิติของของประเภทจำแนกในข้อมูล จากนั้นก็จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งภาพ
และรวบรวมกลุ่มชั้นประเภทจำแนกสถิติคล้ายกันเข้าด้วยกัน
เพื่อจัดลำดับขั้นข้อมูลสุดท้าย นอกจากนี้แล้วก็จะมีการวิเคราะห์การจำแนกประเภทข้อมูลลำดับสุดท้าย
หรือตกแต่งข้อมูลหลังจากการจำแนกประเภทข้อมูล (Post-classification)
2.2.2 การจำแนกประเภทข้อมูลแบบไม่กำกับดูแล
(Unsupervised Classification)
เป็นวิธีการจำแนกประเภทข้อมูลที่ผู้วิเคราะห์ไม่ต้องกำหนดพื้นที่ฝึกของข้อมูลแต่ละประเภทให้กับคอมพิวเตอร์
มักจะใช้ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในพื้นที่ที่การจำแนก
หรือผู้ปฏิบัติไม่มีความรู้ความเคยชินในพื้นที่ที่ศึกษา
วิธีการนี้สามารถทำได้โดยการสุ่มตัวอย่างแบบคละ
แล้วจึงนำกลุ่มข้อมูลดังกล่าวมาแบ่งเป็นประเภทต่างๆ
ประโยชน์ของ Remote sensing
การใช้เทคนิค Remote sensing ช่วยให้การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องออกเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และยังให้ ความถูกต้องในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ของพื้นที่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพ และจัดทำแผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานมาก ทำให้การศึกษาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น ทรัพยากร ปลูกสร้าง ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
การใช้เทคนิค Remote sensing ช่วยให้การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องออกเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และยังให้ ความถูกต้องในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ของพื้นที่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพ และจัดทำแผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานมาก ทำให้การศึกษาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น ทรัพยากร ปลูกสร้าง ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
การบันทึกข้อมูลเป็นบริเวณกว้าง
(Synoptic view) ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่งๆ
ครอบคลุมพื้นที่กว้างทำให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้นๆ
สามารถศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ในบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องในเวลาเดียวกันทั้นภาพ
เช่น ภาพจาก LANDSAT MSS และ TM หนึ่งภาพคลุมพื้นที่ 185X185 ตร.กม. หรือ 34,225
ตร.กม.
ภาพจาก SPOT คลุมพื้นที่ 3,600 ตร.กม. เป็นต้น
การบันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่น
ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีระบบกล้องสแกนเนอร์
ที่บันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่นในบริเวณเดียวกัน
ทั้งในช่วงคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และช่วงคลื่นนอกเหนือสายตามนุษย์
ทำให้แยกวัตถุต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบ TM มี 7 ช่วงคลื่น
เป็นต้น
การบันทึกภาพบริเวณเดิม (Repetitive coverage) ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือลงใต้
และกลับมายังจุดเดิมในเวลาท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอและในช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น LANDSAT
ทุก
ๆ 16 วัน MOS ทุกๆ 17 วัน เป็นต้น ทำให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลายๆ
ช่วงเวลาที่ทันสมัยสามารถเปรียบเทียบและติดตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
บนพื้นผิวโลกได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสที่จะได้ข้อมูลไม่มีเมฆปกคลุม
การให้รายละเอียดหลายระดับ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ
มีผลดีในการเลือกนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น
ภาพจากดาวเทียม SPOT ระบบ PLA มีรายละเอียด 10 ม. สามารถศึกษาตัวเมือง เส้นทางคมนาคมระดับหมู่บ้าน
ภาพสีระบบ MLA มีรายละเอียด 20 ม. ศึกษาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เฉพาะจุดเล็กๆ
และแหล่งน้ำขนาดเล็ก และภาพระบบ TM รายละเอียด 30 ม.
ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัด เป็นต้น
ภาพจากดาวเทียมสามารถให้ภาพสีผสม (False color composite) ได้หลายแบบ
ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการขยายรายละเอียดเฉพาะเรื่องให้เด่นชัดเจน
สามารถจำแนกหรือมีสีแตกต่างจากสิ่งแวดล้อม
การเน้นคุณภาพของภาพ (Image enhancement) ภาพจากดาวเทียมต้นฉบับสามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
โดยการปรับเปลี่ยนค่าความเข้ม ระดับสีเทา
เพื่อเน้นข้อมูลที่ต้องการศึกษาให้เด่นชัดขึ้น
การสำรวจข้อมูลระยะไกล
การสำรวจข้อมูลระยะไกลประกอบด้วย 2 กระบวนการ
1. การรับข้อมูล
(Data Acquisition) โดยอาศัย
- แหล่งพลังงาน
คือ ดวงอาทิตย์
- การเคลื่อนที่ของพลังงาน
- ปฏิสัมพันธ์ของพลังงานกับพื้นโลก
- ระบบการบันทึกข้อมูล
- ข้อมูลที่ได้รับทั้งในแบบข้อมูลเชิงตัวเลขและรูปภาพ
ดูรูปได้จากด้านล้าง
2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) ประกอบด้วย
2.1 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสายตา
(Visual Interpretation)
การแปลตีความข้อมูลภาพจากดาวเทียมด้วยสายตาข้อมูลที่นำมาแปลตีความหรือจำแนกประเภทข้อมูลภาพจากดาวเทียมด้วยตา
เป็น ข้อมูลที่อยู่ในรูปของภาพพิมพ์หรือฟิล์ม โดยภาพแต่ละช่วงคลื่นของการบันทึกภาพ
อยู่ในลักษณะขาวดำจึงยากต่อการแปลตีความหมาย ด้วยสายตา การเลือกใช้ภาพสีผสม
ซึ่งได้มีการเน้นข้อมูลภาพ (Enhancement) ให้สามารถจำแนกประเภทข้อมูลได้ชัดเจนและง่ายขึ้นนั้น
สามารถทำได้โดยกำหนดสีของแต่ละช่วงคลื่นเลียนแบบระบบธรรมชาติ
แล้วนำภาพที่ได้ให้แสงสีแล้วนี้ มารวมกัน 3 ภาพ (3
ช่วงคลื่น)
เพื่อให้เกิดเป็นภาพสีผสมขึ้น ในช่วงคลื่นสั้นและยาว โดยใช้แสงสีน้ำเงิน
เขียวและแดง ตามลำดับของแสงช่วงคลื่นที่สายตาสามารถมองเห็น
จึงถึงช่วงคลื่นอินฟาเรด ภาพสีผสมที่ปรากฏให้เห็น คือ พืชพรรณ ต่างๆ
จะปรากฏเป็นสีแดงหรือสีเขียว เนื่องจากปฏิกิริยาการสะท้อนสูง ที่คลื่นช่วงยาว
ภาพที่พืชปรากฏสีแดง เรียกว่า ภาพสีผสมเท็จ (False Colour Composite – FCC)
และภาพที่พืชปรากฏเป็นสีเขียว
เรียกว่า ภาพผสมจริง (True Colour)
การประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียม
การประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียม
ข้อมูลดาวเทียมที่ได้จากอุปกรณ์บันทึกต่างระบบ
จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ดังนั้น
ก่อนที่จะนําข้อมูลมาใช้ประโยชน์ จําเป็นต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของดาวเทียมด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้ข้อมูลมักจะพิจารณาด้าน คุณสมบัติเชิงคลื่น มีคุณสมบัติเชิงพื้นที่ และ
คุณสมบัติเชิงกาลเวลา (temporal characteristic)
การประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมคล้ายกับการใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ในด้านแปลความหมาย
จากภาพ แต่ภาพข้อมูลดาวเทียมมีศักยภาพต่างไปจากภาพถ่ายทางอากาศ เทคนิคการแปล
ความหมายก็แตกต่างกัน ภาพข้อมูลดาวเทียมสามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้หลาย ๆ ด้านเช่น ป่าไม้
การใช้ที่ดิน การเกษตร ธรณีวิทยา อุทกวิทยา อุบัติภัย ลักษณะตะกอนชายฝั่ง ภัยธรรมชาติ
และการปรับปรุงแผนที่ เป็นต่น ดังมีรายละเอียดพอสรุปได้ดังนี้
ด้านการเกษตร (Agriculture)
ก่อนที่จะนําข้อมูลมาใช้ประโยชน์ จําเป็นต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของดาวเทียมด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้ข้อมูลมักจะพิจารณาด้าน คุณสมบัติเชิงคลื่น มีคุณสมบัติเชิงพื้นที่ และ
คุณสมบัติเชิงกาลเวลา (temporal characteristic)
การประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมคล้ายกับการใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ในด้านแปลความหมาย
จากภาพ แต่ภาพข้อมูลดาวเทียมมีศักยภาพต่างไปจากภาพถ่ายทางอากาศ เทคนิคการแปล
ความหมายก็แตกต่างกัน ภาพข้อมูลดาวเทียมสามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้หลาย ๆ ด้านเช่น ป่าไม้
การใช้ที่ดิน การเกษตร ธรณีวิทยา อุทกวิทยา อุบัติภัย ลักษณะตะกอนชายฝั่ง ภัยธรรมชาติ
และการปรับปรุงแผนที่ เป็นต่น ดังมีรายละเอียดพอสรุปได้ดังนี้
ด้านการเกษตร (Agriculture)
ข้อมูลรีโมทเซนซิงสามารถนํามาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตรได้หลายอย่าง
เช่น
การทําแผนที่ เพาะปลูกพืช การบ่งชี้เชื้อโรคต่าง ๆ
และความเครียดของพืช การประเมิน
ผลผลิตพืชและการตรวจหาวัชพืช และพืชที่ผิดกฎหมายเช่น ฝิ่น เป็นต้น
ด้านธรณีวิทยา (Geology)
เช่น จําแนกรอยแตกแยกหรือโครงสร้างอื่น ๆ
ทําแผนที่ภูมิสัณฐานวิทยาและแผนที่ พืชพรรณ การสํารวจแหล่งแร่ธาตุและน้ํามันปิโตรเลียม
การวิเคราะห์ทางธรณีสัณฐาน และการระบายน้ํา และการจําแนกชนิดของหิน
ด้านสมุทรศาสตร์ (Oceanography)
เช่น ตรวจอุณหภูมิของทะเล
ทําแผนที่พื้นผิวทะเลและภูมิประเทศใต้ท้องทะเล ทําแผนที่
กระแสน้ําในทะเล (Ocean Current Mapping) ศึกษามลภาวะในทะเล
และศึกษาหาแหล่งปลา
และ ศึกษาน้ําแข็งในทะเล
ศึกษาทรัพยากรธรรมชาติที่ฟื้นตัวได้ (Renewable Resources)
เช่น สํารวจและติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Cover
Inventory And Monitoring)
ศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ทําแผนที่ชนิดของภูมิประเทศ ประเมินผลกระทบของภัยธรรมชาติเช่น
ไฟป่าและความแห้งแล้ง
ศึกษาด้านการชะล้างพังทลายของดิน (Soil Erosion Mapping)
เช่น ทําแผนที่และติดตามการชะล้างพังทลาย
พยากรณ์แหล่งที่มีการชะล้างพังทลาย ติดตามแหล่งที่มีการพังทลายของดิน
และความเป็นทะเลทราย
อุทกวิทยา (Hydrology)
ติดตามแหล่งกักเก็บน้ําใต้ดิน ติดตามกิจกรรมด้านการชลประทาน
ทําแผนที่แหล่ง ความเค็ม การประเมินความชื้นในดิน และอุณหภูมิพื้นผิวดิน
วางแผนด้านวิศวกรรมการก่อสร้าง
และติดตามประสิทธิภาพของงาน
การทําแผนที่ (Cartography)
ในแขนงวิชาที่เกี่ยวข้องกับการวัด และจัดทําแผนที่ เช่น
จีโอดีซี่และโฟโตแกรมเมตรี (Geodesy and Photogrammetry) สามารถรวมกับข้อมูลอื่นเพื่อแสดงผลผลิตแผนที่ทําภาพสามมิติเพื่อจัดทําแผนที่ภูมิประเทศ
และ เก็บรวบรวมและ แก้ไขแผนที่ให้ทันสมัย
ด้านอุตุนิยมวิทยา (Meteorology)
ศึกษาอุณหภูมิ และรูปแบบของอากาศท้องถิ่น ทําแผนที่เมฆ ติดตามการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อน
ติดตามไฟป่า ทําแผนที่แหล่งที่มีหิมะปกคลุม และ ศึกษาสภาพอากาศ
ศึกษาด้านผังเมือง (Urban Planning Studies)
เช่น ทําแผนที่แสดงขอบเขตและการเปลี่ยนแปลงการตั้งถิ่นฐานเมือง
ศึกษาด้านความ
หนาแน้นของชุมชน และการระบายน้ําในตัวเมือง
ศึกษาเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคม
และประเมินผลกระทบที่เกิดจากการขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรมที่มีต่อสภาวะอากาศ
ตัวอย่างกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมในประเทศไทย
ด้านการใช้ประโยชน์
ที่ดิน ด้านการเกษตร และด้าน อื่น ๆ
สามารถตรวจได้จากวารสารสํารวจระยะไกล
และสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Journal of Remote Sensing and GIS
Applications)
ที่ออกโดยสมาคมสํารวจข้อมูลจากระยะไกลและสารสนเทศภูมิศาสตร์
(องค์การมหาชน) หรือ
วารสารที่เกี่ยวข้อง อื่น ๆ นอกจากนี้แล้ว สมพร สง่าวงศ์ (2543)
ได้รวบรวมบทความทางวิชาการ
ด้านสํารวจระยะไกล และสารสนเทศภูมิศาสตร์ไว้ กรณีศึกษา
ซึ่งอาจจะเป็นแนวทางในการ
นําเอาข้อมูลสํารวจระยะไกล ไปประยุกต์ใช้ในสาขาที่สนใจต่อไป
การผสมสี (Lmage Color Composite)
การผสมสี (Lmage Color Composite)
ภาพสีผสมแบ่งได้ 3 ชนิด
ภาพผสมสีแบบธรรมชาติ (Natural Color
Composite) NCC
ได้แก่ 3-2-1 R-G-B
ตัวอย่างภาพผสมสีแบบธรรมชาติ
ตัวอย่างรูปแบบ 3-2-1
ภาพผสมแบบสีจริง (True Color Composite) TCC
ได้แก่ 3-4-1 , 3-4-6 , 7-4-3
ตัวอย่างภาพผสมสีแบบสีจริง
ตัวอย่างรูปแบบ 3-4-1
ภาพสีผสมเท็จ (False Color Composite) FCC
ได้แก่ 4-5-3 , 4-1-7 , 5-3-2
ตัวอย่างภาพผสมสีเท็จ
การแปลความหมายจากภาพสีผสมเท็จ
ตัวอย่างจากดาวเทียวสำรวจทรัพยากรโลก LANDSAT-7
ภาพสีผสมจำนวน 6 แบนด์ ได้แก่ 1,2,3,4,5,และ 7 รวมทั้งหมด 120
ภาพ
การแปลความหมายภาพจากดาวเทียมด้วยสายตา
การแปลภาพ (Image Interpretation) เป็นวิธีการแปลความหมายจากข้อมูลภาพ
ด้วยสายตาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการ เช่นลักษณะการใช้ที่ดิน
การเลือกแปลภาพด้วยสายตา
โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในลักษณะแผ่นภาพ หรือแผ้นฟิล์ม
การจําแนกข้อมูลด้วยวิธีนี้
มักจะประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพดาวเทียมเข้ากับข้อมูล
อื่น ๆเช่น ข้อมูลที่ได้จากการสํารวจภาคสนาม
คู่มือในการแปล
เนื่องจากผู้แปลภาพมีความแตกต่างกันในเรื่องความรู้เดิม
ประสบการณ์ในการแปล
และความเคยชิน อาจทําให้ผลการแปลภาพออกมาไม้ตรงกัน ดังนั้น
จึงได้แสดงคู่มือมาตรฐาน
เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการแยกแยะวัตถุตามหลักการอ่านข้อมูลภาพ
เช่น ตารางที่ 3
แสดงตัวอย่างคู่มือการแปลสิ่งปกคลุมดินจากภาพข้อมูลดาวเทียม LANDSAT
ตัวอย่างคู้มือการแปลสิ่งปกคลุมดินจากภาพข้อมูลดาวเทียม LANDSAT
ระบบเก็บข้อมูลของดาวเทียม
ระบบเก็บข้อมูลของดาวเทียม
ดาวเทียมแลนด์แซด มี 2 ระบบ (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ. 2546 : 18) คือ
1. ระบบ MSS (Multispectral Scanner) มี 4 ช่วงคลื่น คือ แบนค์ 4 และ 5 ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศทางน้ำถนนแหล่งชุมชน การใช้ที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณ ป่าไม้พื้นที่เพาะปลูก และธรณีโครงสร้าง ข้อมูล MSS 1 ภาพครอบคลุมพื้นที่ 185x80 ตารางกิโลเมตรมีรายละเอียดข้อมูล (resolution) 80x80 เมตร
2. ระบบที่ได้รับการปรับปรุงให้รายละเอียดดีกว่า MSS คือระบบ TM (Thematic Mapper) มีการบันทึกข้อมูลใน 7 ช่วงคลื่น โดยช่วงคลื่นที่ 1 – 3 หรือ แบนด์ 1 – 3 เหมาะสำหรับทำแผนที่บริเวณชายฝั่ง และจำแนกความแตกต่างระหว่างดินกับพืชพรรณ แบนด์ 4 ใช้กำหนดปริมาณของมวลชีวภาพ (biomass) และจำแนกแหล่งน้ำ แบนด์ 5 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความชื้นของดิน ความแตกต่างระหว่างเมฆกับหิมะ แบนด์ 6 ให้หาแหล่งความร้อน แบนด์ 7 ใช้จำแนกชนิดของหิน และการทำแผนที่แสดงบริเวณ hydrothermal มีรายละเอียดข้อมูล 30x30 เมตร (ยกเว้นแบนด์ 6 มีรายละเอียด 120x120 เมตร) ปัจจุบันดาวเทียมแลนด์แซด 7 ได้ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติงานเมื่อ 15 เมษายน 2542 โดยมีระบบบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า ETM+ (Enhance Thematic Mapper Plus) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาจาก TM โดยในแบนด์ 6 ช่วงคลื่นความร้อน ได้รับการพัฒนาให้มีรายละเอียดสูงถึง 60 เมตร และได้เพิ่ม แบนด์ Panchromatic รายละเอียด 15 เมตร เข้าไปอีก 1 แบนด์
ข้อมูลเกี่ยวกับดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติแลนด์แซด (Landsat)
1. ลักษณะของดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3
- มีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายผีเสื้อ มีน้ำหนักประมาณ 953 กิโลกรัม สูงประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 1.5 เมตร มีแผงรับพลังงานจากดวงอาทิตย์คล้ายปีกสองข้าง มีความกว้างประมาณ 4 เมตร (ภาพที่ 1) วงโคจรสูงประมาณ 900 กิโลเมตร และความเร็ว 6.5 กิโลเมตร
- ระบบเก็บข้อมูล ระบบ MSS (Multispectral Scanner) มี 4 ช่วงคลื่น
2. ดาวเทียมแลนด์แซด 4 – 5 (ภาพที่ 2) ได้รับการออกแบบให้มีความซับซ้อนกว่าดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3
- รูปร่างถูกดัดแปลงเพื่อปรับปรุงทางด้านความสามารถในการควบคุมวิถีโคจรของดาวเทียมเพิ่มขึ้น มีความสามารถที่เหนือกว่าดาวเทียมแลนด์แซด 1 – 2 และ 3 คือการใช้สื่อสารระบบ Tracking and Data Relay Satellite (TDRS) ที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลจากดาวเทียมไปสู่โลกในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาบันทึกภาพ (Real time) ช่วยลดปัญหาเครื่องบันทึกเทปที่มีข้อจำกัดด้านอายุการใช้งาน
- ระบบเก็บข้อมูล ระบบ TM (Thematic Mapper) มีการบันทึกข้อมูลใน 7 ช่วงคลื่น
3. ดาวเทียมแลนด์แซด 6 ที่ได้สูญหายไปจากวงโคจร (ภาพที่ 3)
4. ปัจจุบันดาวเทียมแลนด์แซด 7 (ภาพที่ 4) ได้ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติงานเมื่อ 15 เมษายน 2542 โดยมีระบบบันทึกข้อมูลที่เรียกว่า ETM+ (Enhance Thematic Mapper Plus) ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาจาก TM โดยในแบนด์ 6 ช่วงคลื่นความร้อน ได้รับการพัฒนาให้มีรายละเอียดสูงถึง 60 เมตร และได้เพิ่ม แบนด์ Panchromatic รายละเอียด 15 เมตร เข้าไปอีก 1 แบนด์
อ้างอิง
http://civil11korat.tripod.com/Data/RS.htm
ประโยชน์ของ Remote sensing
ประโยชน์ของ Remote sensing
การใช้เทคนิค Remote sensing ช่วยให้การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องออกเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และยังให้ ความถูกต้องในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ของพื้นที่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพ และจัดทำแผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานมาก ทำให้การศึกษาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น ทรัพยากร ปลูกสร้าง ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
การบันทึกข้อมูลเป็นบริเวณกว้าง (Synoptic view) ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่งๆ ครอบคลุมพื้นที่กว้างทำให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้นๆ สามารถศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ในบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องในเวลาเดียวกันทั้นภาพ เช่น ภาพจาก LANDSAT MSS และ TM หนึ่งภาพคลุมพื้นที่ 185X185 ตร.กม. หรือ 34,225 ตร.กม. ภาพจาก SPOT คลุมพื้นที่ 3,600 ตร.กม. เป็นต้น
การบันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่น ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีระบบกล้องสแกนเนอร์ ที่บันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่นในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และช่วงคลื่นนอกเหนือสายตามนุษย์ ทำให้แยกวัตถุต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบ TM มี 7 ช่วงคลื่น เป็นต้น
การบันทึกภาพบริเวณเดิม (Repetitive coverage) ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือลงใต้ และกลับมายังจุดเดิมในเวลาท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอและในช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น LANDSAT ทุก ๆ 16 วัน MOS ทุกๆ 17 วัน เป็นต้น ทำให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลายๆ ช่วงเวลาที่ทันสมัยสามารถเปรียบเทียบและติดตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสที่จะได้ข้อมูลไม่มีเมฆปกคลุม
การให้รายละเอียดหลายระดับ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ มีผลดีในการเลือกนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น ภาพจากดาวเทียม SPOT ระบบ PLA มีรายละเอียด 10 ม. สามารถศึกษาตัวเมือง เส้นทางคมนาคมระดับหมู่บ้าน ภาพสีระบบ MLA มีรายละเอียด 20 ม. ศึกษาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เฉพาะจุดเล็กๆ และแหล่งน้ำขนาดเล็ก และภาพระบบ TM รายละเอียด 30 ม. ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัด เป็นต้น
ภาพจากดาวเทียมสามารถให้ภาพสีผสม (False color composite) ได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการขยายรายละเอียดเฉพาะเรื่องให้เด่นชัดเจน สามารถจำแนกหรือมีสีแตกต่างจากสิ่งแวดล้อม
การเน้นคุณภาพของภาพ (Image enhancement) ภาพจากดาวเทียมต้นฉบับสามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนค่าความเข้ม ระดับสีเทา เพื่อเน้นข้อมูลที่ต้องการศึกษาให้เด่นชัดขึ้น
การใช้เทคนิค Remote sensing ช่วยให้การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องออกเก็บข้อมูลในพื้นที่จริง และยังให้ ความถูกต้องในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้บริเวณซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ของพื้นที่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพ และจัดทำแผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงไปใช้งานได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานมาก ทำให้การศึกษาเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น ทรัพยากร ปลูกสร้าง ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติของภาพจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร
การบันทึกข้อมูลเป็นบริเวณกว้าง (Synoptic view) ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่งๆ ครอบคลุมพื้นที่กว้างทำให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้นๆ สามารถศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ในบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องในเวลาเดียวกันทั้นภาพ เช่น ภาพจาก LANDSAT MSS และ TM หนึ่งภาพคลุมพื้นที่ 185X185 ตร.กม. หรือ 34,225 ตร.กม. ภาพจาก SPOT คลุมพื้นที่ 3,600 ตร.กม. เป็นต้น
การบันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่น ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีระบบกล้องสแกนเนอร์ ที่บันทึกภาพได้หลายช่วงคลื่นในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และช่วงคลื่นนอกเหนือสายตามนุษย์ ทำให้แยกวัตถุต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบ TM มี 7 ช่วงคลื่น เป็นต้น
การบันทึกภาพบริเวณเดิม (Repetitive coverage) ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือลงใต้ และกลับมายังจุดเดิมในเวลาท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอและในช่วงเวลาที่แน่นอน เช่น LANDSAT ทุก ๆ 16 วัน MOS ทุกๆ 17 วัน เป็นต้น ทำให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลายๆ ช่วงเวลาที่ทันสมัยสามารถเปรียบเทียบและติดตามการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนพื้นผิวโลกได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสที่จะได้ข้อมูลไม่มีเมฆปกคลุม
การให้รายละเอียดหลายระดับ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ มีผลดีในการเลือกนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ เช่น ภาพจากดาวเทียม SPOT ระบบ PLA มีรายละเอียด 10 ม. สามารถศึกษาตัวเมือง เส้นทางคมนาคมระดับหมู่บ้าน ภาพสีระบบ MLA มีรายละเอียด 20 ม. ศึกษาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เฉพาะจุดเล็กๆ และแหล่งน้ำขนาดเล็ก และภาพระบบ TM รายละเอียด 30 ม. ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัด เป็นต้น
ภาพจากดาวเทียมสามารถให้ภาพสีผสม (False color composite) ได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการขยายรายละเอียดเฉพาะเรื่องให้เด่นชัดเจน สามารถจำแนกหรือมีสีแตกต่างจากสิ่งแวดล้อม
การเน้นคุณภาพของภาพ (Image enhancement) ภาพจากดาวเทียมต้นฉบับสามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนค่าความเข้ม ระดับสีเทา เพื่อเน้นข้อมูลที่ต้องการศึกษาให้เด่นชัดขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)